‘นีโอไลฟ์’ พ้นบ่วง! ‘แชร์ลูกโซ่’ “นพรุจ-รัชนี” เนรมิตอาณาจักร..โกอินเตอร์!
ทรายจะแกร่งก็เพราะผ่านกาลเวลา…คนจะกล้าก็เพราะผ่านความอดทน…องค์กรจะมั่นคงรุ่งเรืองก็เพราะผ่านวิกฤตพร้อมวิชั่นที่ยาวไกลของ ผู้บริหาร!! เวิร์ดดิ้งวลีนี้…ช่างเหมาะเจาะลงตัวและสมกับความเป็น “นีโอโลฟ์” ณ เวลานี้เป็นอย่างยิ่ง!!
เมื่อ “นีโอไลฟ์ อินเตอร์ เนชั่นแนล” ได้ก้าวผ่าน 1 ทศวรรษย่าง สู่ทศวรรษที่ 2 เป็นปีแรก “จุดเปลี่ยน” ของธุรกิจ “นีโอไลฟ์” ก็ได้พิสูจน์ สูตรสำเร็จความเป็น “บริษัทขายตรงไบนารี่” เจ้าแรก! ให้สังคมไทยได้ประจักษ์ถึง “ความมั่นคง” ที่ดำเนินธุรกิจมาอย่าง “ถูกต้อง” บนเจตนารมณ์บริษัทที่ยึดมั่น “สร้างงาน สร้างคน สร้างรายได้ เพื่อชาติ” ต่อเนื่องมา จน “เอาชนะ” บางสิ่งบางด้วย “สุจริตธุรกิจ” แล้วก้าวผ่านวิกฤตไปสู่เป้าหมายอย่างน่าติดตามของ “ธุรกิจคนไทย” ในเวทีตลาดขายตรงเอเชียต่อไป
1 ทศวรรษ นีโอไลฟ์..ขายตรงคนไทยเพื่อคนไทย!
ด้วยนาทีนี้! น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “นีโอไลฟ์” ธุรกิจขายตรงที่ถูกตั้ง ขึ้นมาโดย 2 ผู้ก่อตั้ง “ดร.นพรุจ เวชกุล” และ “พรรณชนก สุขชุม” ที่ได้จดทะเบียน “บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2544 ตามหมายเลขทะเบียนการค้าเลขที่ (2)787/2544 ภายใต้นโยบาย “บริษัทขายตรงคนไทยเพื่อคนไทย” โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยได้มีอาชีพธุรกิจเป็นของตนเองแบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อนสร้างรายได้จากธุรกิจ และไม่ต้องเสี่ยงต่อการลงทุนหรือขาดทุน
“นีโอไลฟ์” ได้ผ่านการจดทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตามทะเบียนเลขที่นร.0307/2433 และได้ใบอนุญาตให้เป็นสถานที่จำหน่ายยาแผนโบราณ ตามทะเบียนเลขที่ 5/2545 มาตั้งแต่แรกเริ่มดำเนินธุรกิจ ปัจจุบัน “นีโอไลฟ์” มีสำนักงานทำการตั้งอยู่ที่ เลขที่169/98 อาคารเสริมทรัพย์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา นับว่า “นีโอไลฟ์” เป็นบริษัทขายตรงที่มีความมุ่งมั่นคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ และมีประสิทธิภาพใช้แล้ว เห็นผล คุ้มค่า คุ้มราคา จากผลการศึกษาวิจัยที่เป็นที่ยอมรับของผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงและกระบวนการผลิตที่ต้องการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุดมาตรฐานเดียวกันกับการผลิตยาแผนปัจจุบัน จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ทุกรายการ ของ “นีโอไลฟ์” สามารถขายตัวเองได้ และเป็นที่ยอมรับเหนือกว่าผลิตภัณฑ์ อื่นๆ ทั่วไป
ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจขายตรงของ “นีโอไลฟ์” ตามปณิธานของ “ดร.นพรุจ เวชกุล” ในฐานะประธานกรรมการผู้นำบริหารองค์กรทั้งหมดได้เน้นส่งเสริมให้ พี่น้องประชาชนคนไทยได้มีธุรกิจที่สามารถสร้างฐานะให้กับตนเองและครอบครัวได้อย่างแท้จริง จึงเลือกใช้แผน การตลาดที่ง่ายๆ ทำแล้วสามารถประสบความสำเร็จได้จริงๆ และง่ายกว่า นั่น คือ ระบบแผนการตลาดแบบ “ไบนารี่บาลานซ์เลค” ซึ่งได้รับการอนุญาตจาก “สคบ.” ถูกต้องตามกฎหมายมาตั้งแต่แรก
นีโอไลฟ์ฝ่าวิกฤตถูกจับตา“ขายตรงแชร์ลูกโซ่”!
จากลักษณะการดำเนินธุรกิจที่ ไม่สลับซับซ้อน “นีโอไลฟ์” จึงได้รับ ความสนใจจากประชาชนพากันหลั่งไหลเข้ามาร่วมทำธุรกิจกันอย่างคึกคักตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมา จนทำให้ “นีโอไลฟ์” ภายใต้ปีก 2 ผู้บริหารที่มี วิสัยทัศน์อย่าง “ดร.นพรุจ เวชกุล” ประธานกรรมการบริษัท และ “รัชนี มหานิยม” ประธานกรรมการบริหารฝ่ายสมาชิกเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลประกอบการที่สูงขึ้นและจำนวนสมาชิก ซึ่งเป็นฐานธุรกิจปัจจุบันมีมากกว่า 800,000 รหัสทั่วประเทศ
และการที่ “นีโอไลฟ์” ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและมี ชื่อเสียงโด่งดังด้วยอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และนับวันจะเป็นที่รู้จักไป ในวงกว้างของประชาชนคนทั้งประเทศนี้เอง ทำให้กระแสความนิยมนีโอไลฟ์ กลายเป็นที่ “จับตา” ของคนในสังคมจน มี “ผู้ไม่หวังดี” ร้องเรียนไปที่ “สคบ.” และ “ดีเอสไอ” หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมว่า นีโอไลฟ์เป็นบริษัท ที่มีพฤติกรรมในการทำธุรกิจเข้าข่ายการทำความผิด
และการที่ “นีโอไลฟ์” ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและมี ชื่อเสียงโด่งดังด้วยอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และนับวันจะเป็นที่รู้จักไป ในวงกว้างของประชาชนคนทั้งประเทศนี้เอง ทำให้กระแสความนิยมนีโอไลฟ์ กลายเป็นที่ “จับตา” ของคนในสังคมจน มี “ผู้ไม่หวังดี” ร้องเรียนไปที่ “สคบ.” และ “ดีเอสไอ” หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมว่า นีโอไลฟ์เป็นบริษัท ที่มีพฤติกรรมในการทำธุรกิจเข้าข่ายการทำความผิด
ต่อมาได้กลายเป็นประเด็นความสนใจติดตามใกล้ชิดของ “สื่อมวลชน” ทุกแขนง กระทั่งเมื่อปีก่อน (2553) ได้มี สื่อโทรทัศน์รายการหนึ่งนำเสนอกระแสความนิยมของนีโอไลฟ์ไปในทิศทางให้ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าจะเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ นำมาซึ่ง “วิกฤตภาพ ลักษณ์องค์กร” และเกือบจะกลายเป็น“วิกฤตธุรกิจ” ของ “นีโอไลฟ์” ในห้วงปี ที่ผ่านมา
กระทั่งเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2554 การประชุมร่วมของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายที่ได้ “จับตา
พฤติกรรม” การทำธุรกิจของ “นีโอไลฟ์” ตามกระแสที่ตั้งข้อสังเกตขึ้นในปีที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปออกมาจาก “หน่วยงานดีเอสไอ” เป็นหนังสือแจ้งผลการพิจารณากรณีบริษัท นีโอไลฟ์ฯ ถึง “หน่วยงานสคบ.” ระบุใจความสำคัญว่า ที่ประชุม ได้มีมติเห็นชอบว่า บริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด “ไม่เข้าข่าย” การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2535 จึงได้ยุติเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวในที่สุด
กระทั่งเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2554 การประชุมร่วมของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายที่ได้ “จับตา
พฤติกรรม” การทำธุรกิจของ “นีโอไลฟ์” ตามกระแสที่ตั้งข้อสังเกตขึ้นในปีที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปออกมาจาก “หน่วยงานดีเอสไอ” เป็นหนังสือแจ้งผลการพิจารณากรณีบริษัท นีโอไลฟ์ฯ ถึง “หน่วยงานสคบ.” ระบุใจความสำคัญว่า ที่ประชุม ได้มีมติเห็นชอบว่า บริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด “ไม่เข้าข่าย” การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2535 จึงได้ยุติเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวในที่สุด
พร้อมกันนั้นทาง “หน่วยงานดีเอสไอ” ยังได้มีหนังสืออีกฉบับหนึ่งส่งไปยัง “ปลัดกระทรวงการคลัง” ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ “กลุ่มป้องปรามการเงินนอกระบบ” แจ้งให้ทราบว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบว่า นีโอไลฟ์ “ไม่เข้าข่าย” การกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 จึงยุติเรื่องอีกด้วย
นับเป็น “ข่าวดี” ของนีโอไลฟ์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2554, 2 ผู้บริหารของบริษัท “ดร.นพรุจ” และ “รัชนี” จึงได้จัดงานทำบุญครั้งใหญ่ฉลองครบรอบการก่อตั้งบริษัท 11 ปี และจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้ปรากฏแก่สังคมภายนอกว่า “นีโอไลฟ์…ไม่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่” และ “นีโอไลฟ์..ไม่ผิดต่อกฎหมายขายตรง” เพื่อนำเสนอข่าวต่อสาธารณชนต่อไป
วิกฤตคือโอกาส..ฟ้าหลังฝนดัน“นีโอไลฟ์” ฐานแกร่ง!
ในถ้อยแถลงของ “ดร.นพรุจ เวชกุล” ในฐานะประธานกรรมการ บริษัทผู้มีอำนาจตามกฎหมายได้แจ้งต่อสื่อมวลชนและสมาชิกนีโอไลฟ์ว่า ข้อมูลล่าสุดได้ยืนยันชัดเจนว่า “หน่วย งานดีเอสไอ” ได้ทำหนังสือยืนยันความสุจริตในนิติกรรมของบริษัท นีโอไลฟ์ ให้แก่หน่วยงาน สคบ. และกระทรวงการคลังมาเป็นที่เรียบร้อย ส่วนหนังสือ ที่ดีเอสไอทำถึงบริษัทนั้นจะตามมาภายหลัง
ทั้งนี้ “ดร.นพรุจ” ได้กล่าวย้อนภาพการเติบโต 10 ปีของนีโอไลฟ์ที่ผ่านมา ประกอบเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เปิดดำเนินการมาระยะแรกบริษัทได้เน้น “สร้างฐานความมั่นคง” ให้กับบริษัท ก่อนโดยเริ่มจากการตั้งกลุ่มผู้ใช้สินค้าและขยับมาเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จเป็นการยืนยันว่า ธุรกิจของนีโอไลฟ์ มีความมุ่งมั่น ที่จะทำธุรกิจเพื่อสังคม ต่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เป็นการยืนยันอีกด้านหนึ่งว่า ผลิตภัณฑ์ของ บริษัทมีคุณภาพสูงและขายตัวของมันเองได้ มีการใช้สินค้าจริงจากผู้ใช้สินค้า ที่ต่อเนื่องมานาน
และเป็นการยืนยันอีกว่า นักธุรกิจที่ไม่มีความรู้ไม่มีประสบการณ์ด้านขายตรงเลยก็ยังสามารถเข้ามาใช้ระบบธุรกิจของเราด้วยการเรียนรู้และพัฒนาควบคู่ไปกับการทำงานจนประสบความสำเร็จได้จริง และที่สำคัญเป็นการพิสูจน์อีกว่าแผนการตลาดไบนารี่ เมื่อมีการนำมาใช้อย่างถูกต้องและมีจรรยาบรรณก็ทำให้บริษัทในระบบไบนารี่นั้นมั่นคงได้
ระยะที่ 2 เมื่อมีความสำเร็จใน เรื่องการสร้างฐานความมั่นคงของบริษัทแล้ว ก็มาสู่การ “สร้างแบรนด์” บริษัทได้เน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์สร้างยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ บริษัท นีโอไลฟ์ ให้เป็นที่รับรู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น และขณะนี้การสร้างแบรนด์ดังกล่าว น่าจะประสบความสำเร็จไปแล้วมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
“และสิ่งที่เราได้สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเป็นที่รับรู้ในวงกว้างใน เวลาที่รวดเร็ว เมื่อปีที่แล้วก็เลยทำให้ เราถูก “ไทยทีวี” เข้ามาเจาะทำข่าวกล่าวหาว่าอาจจะเป็น “แชร์ลูกโซ่ พันธุ์ใหม่” ตรงนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดจากการสร้างแบรนด์จนโด่งดัง แต่ว่ามันก็เป็นดาบสองคมใครมองด้านดีก็ดี ใครมองด้านไม่ดีก็อาจจะเป็นการมองอีกมุมหนึ่ง”
“ดร.นพรุจ” ได้ย้ำชัดว่า…จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นสิ่งที่ดี! เพราะหลังจากบริษัทเจอเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เป็นการพิสูจน์อีกขั้นหนึ่ง และวันนี้ผลการพิสูจน์ตรงนั้นก็ออกมายืนยันให้พี่น้องสมาชิกนีโอไลฟ์ซึ่งปกติก็มั่นใจในนีโอไลฟ์อยู่แล้วยิ่งมั่นใจต่อไปที่จะส่งต่อคุณภาพสินค้าที่ดี ส่งต่อสุขภาพที่ดี ส่งต่อการสร้างรายได้ที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนให้มีรายได้ที่ดีกันต่อไม่หยุดยั้งต่อไป
สู่ทศวรรษ 2 นีโอไลฟ์ผงาดรุกตลาดภูมิภาคเอเชีย!
ดังนั้นในระยะที่ 3 นับจากปีนี้เป็นต้นไป “ดร.นพรุจ” ได้กล่าวถึงอนาคต นีโอไลฟ์ว่า เมื่อสร้างแบรนด์ประสบความสำเร็จแล้ว บริษัทก็จะพัฒนาไปสู่การเป็นบริษัทที่มั่นคงระยะยาวเป็น “มาตรฐานระดับสากล” ปัจจุบันนีโอไลฟ์ได้ขยายธุรกิจไปต่างประเทศตั้งแต่ต้นปีแล้ว โดยเริ่มที่ “ลาว” ซึ่งได้ทดลองการทำตลาดไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมากระทั่งปีนี้ขยายไปแล้วรวม 5 สาขาประกอบด้วย นครเวียงจันทน์ จำปาสักปากเซ แขวงสุวรรณเขต ชัยบุรีอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดเลย และอุดมชัย ซึ่งเป็นภาคเหนือของนครหลวงเวียงจันทน์
และจากความสำเร็จในประเทศลาว ก็ทำให้นีโอไลฟ์ขยายสาขาไปสู่ประเทศ “เวียดนาม” ซึ่งก็ได้ดำเนินการ ยื่นจดทะเบียนในประเทศเวียดนามและ ได้ดำเนินการตกแต่งสำนักงานสาขาไปแล้ว ขณะนี้ก็รอสินค้ายื่นจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เวียดนามให้เรียบร้อยเท่านั้น พร้อมกันนั้นได้ยื่นขอเปิดสาขาขึ้นที่ประเทศ “สิงคโปร์” แล้ว รวมถึงประเทศ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” และคาดว่าทั้ง 3 ประเทศจะเปิดดำเนินการธุรกิจได้ในเดือนกรกฎาคมนี้
“นี่ก็คือการขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาค ซึ่งในอนาคตเรามุ่งหวังที่จะเป็นธุรกิจในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียน นีโอไลฟ์ของเราคงไม่ได้ไปในประเทศที่เจริญแล้วอย่างยุโรปและอเมริกา เพราะนโยบายนีโอไลฟ์จะมุ่งไปสู่พี่น้องในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อไปสร้างความอยู่ดีกินดีสร้างอาชีพให้ผู้คนในภูมิภาคของเรา ซึ่งก็การขยายงานระดับภูมิภาคครั้งนี้ก็เป็นก้าวไกลไปสู่ระดับสากลของเราอีกขั้นหนึ่ง”
“ดร.นพรุจ” กล่าวสรุปว่า สำหรับโครงการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคนี้ก็น่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2 ปีนี้ ซึ่งต่อไป ก็จะเป็นการขยายธุรกิจไปสู่กัมพูชา พม่า ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ในโอกาสต่อจากนี้เป็นต้นไป และเชื่อว่าในอีก 4-5 ปี คงจะได้เห็นภาพของ “นีโอไลฟ์” เป็นที่ยอมรับของวงการขายตรงและประชาชนทั่วไปมากขึ้น และตรงนั้นก็เป็นความตั้งใจ ของเขามาตั้งแต่ต้นที่จะนำ “ธุรกิจนีโอไลฟ์” เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เป็น “บริษัทมหาชน” เปิดโอกาสให้ผู้คนทั้งที่เป็น “สมาชิกนีโอไลฟ์” และประชาชนทั่วไปที่ไม่ชอบทำขายตรงเข้ามาซื้อหุ้นและร่วมถือหุ้นบริษัทได้
อย่างไรก็ตามสำหรับเป้าหมายในสิ้นปี 2554 นี้ “ดร.นพรุจ” ได้กล่าว ย้ำว่า หลังจากผ่านสถานการณ์วิกฤตภาพลักษณ์มาแล้ว หลังจากนี้จะเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านสุขภาพและความงามซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มหลัก จะประเดิมด้วย “สเต็มเซลล์” ในเดือนกรกฎาคม นี้ และยังมีโปรโมชั่นท่องเที่ยวเกาหลี ออสเตรเลีย ยูนาน จีน เหมือนเดิม พร้อมกันนี้บริษัทกำลังเจรจาซื้ออาคารพร้อมที่ดิน 60 ไร่ มูลค่า 1,500 ล้าน บาท บนถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อสร้าง เป็น “อาณาจักรนีโอไลฟ์” ที่จะรองรับสมาชิกในสิ้นปีประมาณ 1,000,000 รหัส ด้วยยอดขายที่น่าจะทะลุ 3,500 ล้านบาท
สุดท้าย “ดร.นพรุจ เวชกุล” ประธานฯ นีโอไลฟ์ได้กล่าวทิ้งท้ายฝากถึง “รัฐบาลใหม่” ว่า ไม่ว่าจะมาจาก ขั้วไหนก็อยากให้เข้าใจขายตรงให้มากขึ้น และภาครัฐเองก็ต้องทำความเข้าใจกับธุรกิจขายตรงอย่างชัดเจน เพื่ออนาคต จะได้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจขายตรงโดยรวม และหันมาสนับสนุนส่งเสริมจนกลายเป็นธุรกิจที่ประชาชนเข้าใจและสร้างรายได้ให้ตัวเองลดปัญหาสังคมเพื่อร่วมกันสร้างชาติต่อไป
ขอขอบคุณ : หนังสือพิมพ์เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 206 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 16- 30 มิถุนายน 2554นีโอไลฟ์บุกเบิกเปิดตลาดอินโดจีน การขยายตลาดก็นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การขยายตลาดในประเทศเท่านั้น แต่นีโอไลฟ์ยังได้มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ อาทิประเทศลาว ซึ่งได้มีการขยายตลาดออกไปอย่างเต็มตัว โดยมีการขอ อย. จากทางการ ประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ในการส่งสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อ เข้าไปขายในประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง เดือนมีนาคม จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจในลาวได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ เป็น 3 ประเทศที่บริษัทต้องการสร้างตลาดเป็นหลักในปีนี้ก่อน ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมองไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยความเจริญเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเลเซียไม่ค่อยจะต้องการให้ธุรกิจในไทยเข้าไปทำตลาดมากนัก เพราะอาจจะเป็นด้วยเรื่องของศาสนา รวมถึงเรื่องอื่นๆ จึงทำให้บริษัทขยายตลาดเข้าไปในประเทศนี้ค่อนข้างยาก
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ เป็น 3 ประเทศที่บริษัทต้องการสร้างตลาดเป็นหลักในปีนี้ก่อน ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมองไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยความเจริญเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเลเซียไม่ค่อยจะต้องการให้ธุรกิจในไทยเข้าไปทำตลาดมากนัก เพราะอาจจะเป็นด้วยเรื่องของศาสนา รวมถึงเรื่องอื่นๆ จึงทำให้บริษัทขยายตลาดเข้าไปในประเทศนี้ค่อนข้างยาก
ขอขอบคุณ ข้อความจาก สยามธุรกิจ
ธุรกิจเครือข่ายนีโอไลฟ์ฉลองเข้าปีที่10ขยายตลาดสู่ประเทศลาว
ฉลองเข้าปีที่10 บริษัทนีโอไลฟ์ขยายธุรกิจเครือข่ายไปยังตลาดอินโดจีน โดยเริ่มที่ประเทศลาวอันดัยแรกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี รุกคืบบุกเบิกเปิดตลาดอินโดจีน
การขยายตลาดก็นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การขยายตลาดในประเทศเท่านั้น แต่นีโอไลฟ์ยังได้มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ อาทิประเทศลาว ซึ่งได้มีการขยายตลาดออกไปอย่างเต็มตัว โดยมีการขอ อย. จากทางการ ประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ในการส่งสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อ เข้าไปขายในประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง เดือนมีนาคม จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจในลาวได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
ขอขอบคุณ ข้อความจาก สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1076 ประจำวันที่ 20-2-2010 ถึง 23-2-2010