เครื่องมือสานฝันขึ้นทำเนียบท็อปไฟว์
“นีโอไลฟ์” เตรียมแผนทำตลาดเมืองกรุงเพิ่ม หลังทำตลาด แบบ “ป่าล้อมเมือง” มานาน ตั้งงบ 200 ล้านโหมใช้ “สื่อ” สร้าง การรับรู้เพิ่ม โดยเฉพาะ Neo TV มองตลาดต่างประเทศ 3 พื้นที่ เริ่มที่ลาวเดือนมีนาคมหลังขอ อย. เรียบร้อย ควักอีก 80 ล้าน พัฒนานีโอทีวี วาดวิมาน 5 ปีติดท็อปไฟว์
> สเต็ปแรกเสริมเขี้ยวเล็บบุคลากร
นายนพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า นีโอไลฟ์ ได้ทำการเปิดดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง โดยใช้ระบบไบนารี่ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบันก็ร่วม 10 ปี ซึ่งจัดว่าเป็นบริษัทที่ไม่ใช่บริษัทใหม่ แต่ด้วยการทำตลาดของบริษัทที่ใช้ระบบ “ป่าล้อมเมือง” จึงทำให้ผู้บริโภคในเมืองยังไม่รู้จักมากนัก
การทำตลาดในช่วงที่ผ่านมา บริษัทพยายามที่จะขยายตลาดในเขตต่างจังหวัด เนื่องจากเห็นว่าเป็นการทำตลาดที่ง่ายกว่าในเขตกรุงเทพฯ เพราะช่วงที่บริษัทเปิดทำการนั้น มีบริษัทขายตรงเปิดอยู่กว่า 500 บริษัท จึงทำให้การแข่งขันนั้นสูง บริษัทจึงค่อยๆ เริ่มจากการทำตลาดในเขตภูธร ก่อน
โดยในปี 44-45 เป็นปีที่นีโอไลฟ์ได้ทำการขยายสาขาของบริษัทเอง ซึ่งในแต่ละสาขาของบริษัทที่เปิดขึ้นนั้น จะเป็นการเปิดตามหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อเป็นการสร้างตลาดในต่างจังหวัดให้มีความเข้มแข็ง เริ่มตั้งแต่ลพบุรีที่เป็นสาขาแรกของบริษัท ต่อมาก็เป็นการขยายไปตามภาคเหนือ นครสวรรค์ กำแพงเพชร ลำปาง ส่วนภาคอีสานก็จะเป็นตามจังหวัดนครราชสีมา เพชรบูรณ์ สุรินทร์ เป็นต้น
การเปิดสาขานั้น เป็นเรื่องที่หนึ่งที่บริษัทได้ปฏิบัติดำเนินการ ส่วนเรื่องที่ 2 ที่นีโอไลฟ์ได้ทำการเน้นในช่วงแรก คือ การสร้างบุคลากร ซึ่งในปี พ.ศ. 49 เป็นปีที่บริษัทเน้นการอบรมมากขึ้น เพื่อสร้างความรู้ให้เกิดขึ้น กับเหล่าสมาชิกนักขาย เพราะสมาชิกของนีโอไลฟ์ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุ รวมถึงเป็นสมาชิกที่อยู่ในต่างจังหวัด จึงทำให้ยังไม่มีความรู้ทางด้านนี้มากนัก บริษัทจึงพยายามที่จะสร้างความรู้ในส่วนนี้เพิ่ม เพื่อให้นักขายได้มีความรู้ในการทำธุรกิจ
เรื่องถัดมาบริษัทก็จะเน้นในด้านการดูแลองค์กร หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของจิตวิทยาของผู้นำองค์กร ด้วยการปลูกฝังจิตสำนึกของเหล่าผู้นำ ให้มีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากที่ทราบกันดีว่าธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เรื่องของจรรยาบรรณมากพอสมควร เพราะหากสิ่งนี้นักขายไม่มีก็จะส่งผลเสียต่อบริษัทตามมา
หลังจากการปลูกฝังเรื่องจิตสำนึก ก็จะเป็นการเพิ่มหลักสูตรระดับกลาง และระดับสูง โดยอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ในด้านการขาย ส่วนหลักสูตรสูงสุดก็จะเป็นในส่วนของการพัฒนาบุคลิกภาพ สิ่งที่กล่าวมาเป็นหลักในการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาของบริษัท
> รุกคืบบุกเบิกเปิดตลาดอินโดจีน
การขยายตลาดก็นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การขยายตลาดในประเทศเท่านั้น แต่นีโอไลฟ์ยังได้มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ อาทิประเทศลาว ซึ่งได้มีการขยายตลาดออกไปอย่างเต็มตัว โดยมีการขอ อย. จากทางการ ประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ในการส่งสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อ เข้าไปขายในประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง เดือนมีนาคม จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจในลาวได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ เป็น 3 ประเทศที่บริษัทต้องการสร้างตลาดเป็นหลักในปีนี้ก่อน ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมองไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยความเจริญเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเลเซียไม่ค่อยจะต้องการให้ธุรกิจในไทยเข้าไปทำตลาดมากนัก เพราะอาจจะเป็นด้วยเรื่องของศาสนา รวมถึงเรื่องอื่นๆ จึงทำให้บริษัทขยายตลาดเข้าไปในประเทศนี้ค่อนข้างยาก
ในส่วนของสมาชิกที่ผ่านมา มีการ เพิ่มของจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการมอบเข็มเพื่อเป็นเกียรติให้กับบรรดานักขายที่ประสบความสำเร็จมากถึง 10 ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งก็มีผู้ที่ได้รับเข็มมากมาย จึงไม่สามารถจัดรวมเป็นครั้งเดียวต่อปีได้ สิ่งนี้จึงเป็นเครื่องการันตีในเรื่องของรายได้ของบริษัทได้เป็นอย่างดี
ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทมีสมาชิกที่ประสบความสำเร็จอยู่ในหลัก 2 ล้านถึง 2 คน ซึ่งในแต่ละคนเป็นนักขายที่อยู่กับบริษัทมานาน และเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงผู้ที่บริษัทนำมาแอบอ้างเพื่อเป็น การสร้างแบรนด์หรืออื่นๆ ทั้งนี้ บริษัท ยังได้มีการมอบหุ้นส่วนให้กับผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างที่กล่าวมา จัดได้ว่าเป็นบริษัทแรกที่มีการมอบหุ้นให้กับสมาชิกนักขาย
เนื่องจากการมอบหุ้นนั้น เป็นเรื่องที่ทราบกันดีว่ามีความเสี่ยง เพราะสมาชิกอาจมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมจนส่งผลกระทบต่อบริษัทก็เป็นได้ ปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีการมอบหุ้นให้นักขายถือ ก็เพื่อเป็นการตอบแทน รวมถึงแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของบริษัทสามารถสร้างอาชีพได้อย่างเห็นผลจริง
ในปี 52 ที่ผ่านมาบริษัทปิดตลาด อยู่ที่ 1.85 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 67% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโต ที่เกินความคาดหมาย ซึ่งจากเดิมที่ นีโอ ไลฟ์ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 50% แต่ด้วยสิ่งที่บริษัททำรวมถึงปัจจัยภายนอกที่ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงมีการเติบโตที่ดี จึงทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ดังกล่าว
ปี 2553 นี้ สิ่งที่บริษัทจะพยายาม ผลักดันคือ การสร้างภาพลักษณ์ เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ด้วยการขยับ เข้าไปใช้สื่อต่างๆเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ และเคเบิลทีวีที่นีโอ ไลฟ์ได้ ทำขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และได้เปิดเป็นทางการเมื่อช่วงต้นเดือน มกราคมที่ผ่านมา โดยได้เตรียมงบในการพัฒนานีโอทีวีในปีนี้ 80 ล้านบาท
ทั้งยังจะมีการมอบจานดาวเทียม ให้กับบรรดานักขายของบริษัทที่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่บริษัทระบุไว้ โดยจะมามอบจานดาวเทียนให้กว่า 3 หมื่นจาน ซึ่งแจกไปแล้วกว่า 2 พันจาน คาดว่าจะใช้เวลาแจกทั้งปี ซึ่งเป็นการมอบเพื่อเป็นการเอาใจนักขาย และยังเป็นการโปรโมต นีโอทีวีไปในตัว อีกทั้งยังต้องการมอบสิ่งดีๆ เพื่อสังคมมากขึ้น
ด้านรายได้ที่บริษัทตั้งเป้าในปีนี้ บริษัทตั้งไว้ที่ 50% ในด้านการเติบโต เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีนี้ จะมีการเติบโตได้ดีกว่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจ ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงอาจมีการเติบโต ที่ลดลง เนื่องจากประชาชนจะมีอาชีพมากขึ้น ซึ่งจะไม่ต้องการรายได้เสริมมากนัก ธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคมองว่าเป็นธุรกิจที่เป็นรายได้เสริมไม่ใช่รายหลัก และไม่ใช่อาชีพที่มีรายได้อย่างมั่นคงจึงไม่จำเป็นต้องขยับเข้าหาเมื่อรายได้จากอาชีพหลักดีอยู่แล้ว
> Neo TV อาวุธใหม่ขับเน้นภาพลักษณ์
ส่วนเป้าหมายหลักนั้น บริษัทต้อง การสร้างการเติบโตในช่วง 5 ปีต่อจาก นี้ให้สามารถขึ้นไปติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของวงการขายตรงให้ได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่หากมีการทำตลาด ที่ดีเรื่องนี้ ก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นความฝันอีกต่อไป
การจัดประชุมของบริษัทนั้น ได้มีการวางแผนในเรื่องของสถานที่ครอบคลุม โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถเข้าไปประชุมกันได้ โดยทางบริษัทจะทำการออกในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เพื่อไม่เป็นการรบกวนสมาชิกของบริษัทแต่ละทีม ที่ต้องการประชุมแต่ไม่มีสถานที่ โดยได้สร้างศูนย์เพื่อใช้จัดประชุมไว้ตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อให้สมาชิกในแต่ละพื้นที่สามารถเดินทางมาประชุมได้อย่างสะดวก
ในส่วนของสาขาของบริษัทนั้น แต่ละที่ที่บริษัทได้ทำการเปิดขึ้นมานั้น ใช้งบการลงทุนอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ซึ่งงบในส่วนนี้ เป็นงบเพียงแค่ในเรื่องของ การตกแต่งเท่านั้น ส่วนเรื่องของสถาน ที่นั้น ก็อยู่ที่ทำเล หรือความเล็กใหญ่ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
ซึ่งอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น จะมีราคา 6-20 ล้านบาทอยู่ ที่ทำเล และเนื้อที่ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามีที่เชียงใหม่ที่มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนค่าตกแต่งที่สูงที่สุดก็สูงถึง 3 ล้านบาท เรื่องของสต็อกสินค้านั้นต้องใช้ทุนมากถึง 10 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนใน การเติมเต็มพอร์ตสินค้าให้มีจำนวนที่มากเพื่อเป็นการรับรองความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่
สินค้าของบริษัทจะมีด้วยกัน 3 กลุ่มหลักๆ นั่นคือ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนที่มีการนำเข้าจากประเทศจีนจริงๆ มีทั้งหมด 3 รายการ กลุ่มที่สอง ก็จะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีทั้งหมด 9 รายการ กลุ่มที่ 3 เป็นในกลุ่มของความงาม ซึ่งสองกลุ่มนี้เป็นสินค้าที่บริษัทได้มีการพัฒนาขึ้นเอง และเป็นแบรนด์นีโอไลฟ์โดยตรง ส่วนกลุ่มอื่นก็จะเป็นในเรื่องของสินค้าอุปโภคบริโภค
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มที่เป็นหัวหอกของบริษัทเนื่องจากได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ในปีนี้บริษัทต้องการสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามให้ผู้บริโภคมีความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทรวมถึงการสร้างสปา เพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสเข้ามาทดลองใช้ โดยจะใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุน การขายอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ศูนย์สาขาของบริษัทยังได้มีการเปิดคลินิกความงามขึ้น เพื่อเป็นตัวช่วยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอีกแรง แต่ในช่วงแรกคลินิกที่กล่าวมานี้ จะเปิดตามหัวเมืองใหญ่เท่านั้น เพื่อให้เป็นหลักก่อนโดยในช่วงไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้ บริษัทยังเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวเพิ่มขึ้นอีก 3 ตัว ซึ่งผลิตจากโรงงานของบริษัทเอง
อีกทั้งยังมีการออกโปรโมชั่นนวดหน้าเพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาให้ความสนใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้บริษัทยังต้องการสร้างฐานสมาชิกที่เป็นคนรุ่นใหม่ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้จำนวนนักขายที่เป็นกลุ่มใหม่นี้มีอัตราเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50/50 ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะสมาชิกที่เป็นคนรุ่นใหม่นั้นจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการขายที่ดี ทั้งยังเป็นกลุ่มคนที่มีไฟในการทำงานมาก
เรื่องสุดท้ายที่นีโอไลฟ์ พยายามผลักดันนั่นคือ การขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงการให้บริการสมาชิกโดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็น เรื่องที่หลายบริษัทพยายามผลักดัน แต่ นีโอไลฟ์ยังไม่สามารถรุกเข้าฟไปในระบบ นี้ได้มากนัก เนื่องจากสมาชิกของบริษัท ยังขาดความรู้ในเรื่องนี้พอสมควรจึงต้องค่อยผลักดันต่อไป
สิ่งที่บริษัทพยายามปลูกฝังสมาชิกมาโดยตลอดคือเรื่องของจรรยา บรรณในการขาย เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งบริษัทจะมีกฎเหล็กที่ใช้มาโดยตลอดในเรื่องนี้ ซึ่งหากสมาชิกมีการ กระทำที่เอารัดเอาเปรียบก็จะถูกตัดออกจากการเป็นสมาชิกทันที เพื่อรักษา ภาพของบริษัท
“นีโอไลฟ์” เตรียมแผนทำตลาดเมืองกรุงเพิ่ม หลังทำตลาด แบบ “ป่าล้อมเมือง” มานาน ตั้งงบ 200 ล้านโหมใช้ “สื่อ” สร้าง การรับรู้เพิ่ม โดยเฉพาะ Neo TV มองตลาดต่างประเทศ 3 พื้นที่ เริ่มที่ลาวเดือนมีนาคมหลังขอ อย. เรียบร้อย ควักอีก 80 ล้าน พัฒนานีโอทีวี วาดวิมาน 5 ปีติดท็อปไฟว์
> สเต็ปแรกเสริมเขี้ยวเล็บบุคลากร
นายนพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า นีโอไลฟ์ ได้ทำการเปิดดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง โดยใช้ระบบไบนารี่ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบันก็ร่วม 10 ปี ซึ่งจัดว่าเป็นบริษัทที่ไม่ใช่บริษัทใหม่ แต่ด้วยการทำตลาดของบริษัทที่ใช้ระบบ “ป่าล้อมเมือง” จึงทำให้ผู้บริโภคในเมืองยังไม่รู้จักมากนัก
การทำตลาดในช่วงที่ผ่านมา บริษัทพยายามที่จะขยายตลาดในเขตต่างจังหวัด เนื่องจากเห็นว่าเป็นการทำตลาดที่ง่ายกว่าในเขตกรุงเทพฯ เพราะช่วงที่บริษัทเปิดทำการนั้น มีบริษัทขายตรงเปิดอยู่กว่า 500 บริษัท จึงทำให้การแข่งขันนั้นสูง บริษัทจึงค่อยๆ เริ่มจากการทำตลาดในเขตภูธร ก่อน
โดยในปี 44-45 เป็นปีที่นีโอไลฟ์ได้ทำการขยายสาขาของบริษัทเอง ซึ่งในแต่ละสาขาของบริษัทที่เปิดขึ้นนั้น จะเป็นการเปิดตามหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อเป็นการสร้างตลาดในต่างจังหวัดให้มีความเข้มแข็ง เริ่มตั้งแต่ลพบุรีที่เป็นสาขาแรกของบริษัท ต่อมาก็เป็นการขยายไปตามภาคเหนือ นครสวรรค์ กำแพงเพชร ลำปาง ส่วนภาคอีสานก็จะเป็นตามจังหวัดนครราชสีมา เพชรบูรณ์ สุรินทร์ เป็นต้น
การเปิดสาขานั้น เป็นเรื่องที่หนึ่งที่บริษัทได้ปฏิบัติดำเนินการ ส่วนเรื่องที่ 2 ที่นีโอไลฟ์ได้ทำการเน้นในช่วงแรก คือ การสร้างบุคลากร ซึ่งในปี พ.ศ. 49 เป็นปีที่บริษัทเน้นการอบรมมากขึ้น เพื่อสร้างความรู้ให้เกิดขึ้น กับเหล่าสมาชิกนักขาย เพราะสมาชิกของนีโอไลฟ์ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุ รวมถึงเป็นสมาชิกที่อยู่ในต่างจังหวัด จึงทำให้ยังไม่มีความรู้ทางด้านนี้มากนัก บริษัทจึงพยายามที่จะสร้างความรู้ในส่วนนี้เพิ่ม เพื่อให้นักขายได้มีความรู้ในการทำธุรกิจ
เรื่องถัดมาบริษัทก็จะเน้นในด้านการดูแลองค์กร หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของจิตวิทยาของผู้นำองค์กร ด้วยการปลูกฝังจิตสำนึกของเหล่าผู้นำ ให้มีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากที่ทราบกันดีว่าธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เรื่องของจรรยาบรรณมากพอสมควร เพราะหากสิ่งนี้นักขายไม่มีก็จะส่งผลเสียต่อบริษัทตามมา
หลังจากการปลูกฝังเรื่องจิตสำนึก ก็จะเป็นการเพิ่มหลักสูตรระดับกลาง และระดับสูง โดยอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ในด้านการขาย ส่วนหลักสูตรสูงสุดก็จะเป็นในส่วนของการพัฒนาบุคลิกภาพ สิ่งที่กล่าวมาเป็นหลักในการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาของบริษัท
> รุกคืบบุกเบิกเปิดตลาดอินโดจีน
การขยายตลาดก็นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การขยายตลาดในประเทศเท่านั้น แต่นีโอไลฟ์ยังได้มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ อาทิประเทศลาว ซึ่งได้มีการขยายตลาดออกไปอย่างเต็มตัว โดยมีการขอ อย. จากทางการ ประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ในการส่งสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อ เข้าไปขายในประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง เดือนมีนาคม จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจในลาวได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ เป็น 3 ประเทศที่บริษัทต้องการสร้างตลาดเป็นหลักในปีนี้ก่อน ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมองไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยความเจริญเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเลเซียไม่ค่อยจะต้องการให้ธุรกิจในไทยเข้าไปทำตลาดมากนัก เพราะอาจจะเป็นด้วยเรื่องของศาสนา รวมถึงเรื่องอื่นๆ จึงทำให้บริษัทขยายตลาดเข้าไปในประเทศนี้ค่อนข้างยาก
ในส่วนของสมาชิกที่ผ่านมา มีการ เพิ่มของจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการมอบเข็มเพื่อเป็นเกียรติให้กับบรรดานักขายที่ประสบความสำเร็จมากถึง 10 ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งก็มีผู้ที่ได้รับเข็มมากมาย จึงไม่สามารถจัดรวมเป็นครั้งเดียวต่อปีได้ สิ่งนี้จึงเป็นเครื่องการันตีในเรื่องของรายได้ของบริษัทได้เป็นอย่างดี
ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทมีสมาชิกที่ประสบความสำเร็จอยู่ในหลัก 2 ล้านถึง 2 คน ซึ่งในแต่ละคนเป็นนักขายที่อยู่กับบริษัทมานาน และเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงผู้ที่บริษัทนำมาแอบอ้างเพื่อเป็น การสร้างแบรนด์หรืออื่นๆ ทั้งนี้ บริษัท ยังได้มีการมอบหุ้นส่วนให้กับผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างที่กล่าวมา จัดได้ว่าเป็นบริษัทแรกที่มีการมอบหุ้นให้กับสมาชิกนักขาย
เนื่องจากการมอบหุ้นนั้น เป็นเรื่องที่ทราบกันดีว่ามีความเสี่ยง เพราะสมาชิกอาจมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมจนส่งผลกระทบต่อบริษัทก็เป็นได้ ปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีการมอบหุ้นให้นักขายถือ ก็เพื่อเป็นการตอบแทน รวมถึงแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของบริษัทสามารถสร้างอาชีพได้อย่างเห็นผลจริง
ในปี 52 ที่ผ่านมาบริษัทปิดตลาด อยู่ที่ 1.85 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 67% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโต ที่เกินความคาดหมาย ซึ่งจากเดิมที่ นีโอ ไลฟ์ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 50% แต่ด้วยสิ่งที่บริษัททำรวมถึงปัจจัยภายนอกที่ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงมีการเติบโตที่ดี จึงทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ดังกล่าว
ปี 2553 นี้ สิ่งที่บริษัทจะพยายาม ผลักดันคือ การสร้างภาพลักษณ์ เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ด้วยการขยับ เข้าไปใช้สื่อต่างๆเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ และเคเบิลทีวีที่นีโอ ไลฟ์ได้ ทำขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และได้เปิดเป็นทางการเมื่อช่วงต้นเดือน มกราคมที่ผ่านมา โดยได้เตรียมงบในการพัฒนานีโอทีวีในปีนี้ 80 ล้านบาท
ทั้งยังจะมีการมอบจานดาวเทียม ให้กับบรรดานักขายของบริษัทที่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่บริษัทระบุไว้ โดยจะมามอบจานดาวเทียนให้กว่า 3 หมื่นจาน ซึ่งแจกไปแล้วกว่า 2 พันจาน คาดว่าจะใช้เวลาแจกทั้งปี ซึ่งเป็นการมอบเพื่อเป็นการเอาใจนักขาย และยังเป็นการโปรโมต นีโอทีวีไปในตัว อีกทั้งยังต้องการมอบสิ่งดีๆ เพื่อสังคมมากขึ้น
ด้านรายได้ที่บริษัทตั้งเป้าในปีนี้ บริษัทตั้งไว้ที่ 50% ในด้านการเติบโต เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีนี้ จะมีการเติบโตได้ดีกว่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจ ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงอาจมีการเติบโต ที่ลดลง เนื่องจากประชาชนจะมีอาชีพมากขึ้น ซึ่งจะไม่ต้องการรายได้เสริมมากนัก ธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคมองว่าเป็นธุรกิจที่เป็นรายได้เสริมไม่ใช่รายหลัก และไม่ใช่อาชีพที่มีรายได้อย่างมั่นคงจึงไม่จำเป็นต้องขยับเข้าหาเมื่อรายได้จากอาชีพหลักดีอยู่แล้ว
> Neo TV อาวุธใหม่ขับเน้นภาพลักษณ์
ส่วนเป้าหมายหลักนั้น บริษัทต้อง การสร้างการเติบโตในช่วง 5 ปีต่อจาก นี้ให้สามารถขึ้นไปติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของวงการขายตรงให้ได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่หากมีการทำตลาด ที่ดีเรื่องนี้ ก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นความฝันอีกต่อไป
การจัดประชุมของบริษัทนั้น ได้มีการวางแผนในเรื่องของสถานที่ครอบคลุม โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถเข้าไปประชุมกันได้ โดยทางบริษัทจะทำการออกในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เพื่อไม่เป็นการรบกวนสมาชิกของบริษัทแต่ละทีม ที่ต้องการประชุมแต่ไม่มีสถานที่ โดยได้สร้างศูนย์เพื่อใช้จัดประชุมไว้ตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อให้สมาชิกในแต่ละพื้นที่สามารถเดินทางมาประชุมได้อย่างสะดวก
ในส่วนของสาขาของบริษัทนั้น แต่ละที่ที่บริษัทได้ทำการเปิดขึ้นมานั้น ใช้งบการลงทุนอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ซึ่งงบในส่วนนี้ เป็นงบเพียงแค่ในเรื่องของ การตกแต่งเท่านั้น ส่วนเรื่องของสถาน ที่นั้น ก็อยู่ที่ทำเล หรือความเล็กใหญ่ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
ซึ่งอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น จะมีราคา 6-20 ล้านบาทอยู่ ที่ทำเล และเนื้อที่ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามีที่เชียงใหม่ที่มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนค่าตกแต่งที่สูงที่สุดก็สูงถึง 3 ล้านบาท เรื่องของสต็อกสินค้านั้นต้องใช้ทุนมากถึง 10 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนใน การเติมเต็มพอร์ตสินค้าให้มีจำนวนที่มากเพื่อเป็นการรับรองความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่
สินค้าของบริษัทจะมีด้วยกัน 3 กลุ่มหลักๆ นั่นคือ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนที่มีการนำเข้าจากประเทศจีนจริงๆ มีทั้งหมด 3 รายการ กลุ่มที่สอง ก็จะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีทั้งหมด 9 รายการ กลุ่มที่ 3 เป็นในกลุ่มของความงาม ซึ่งสองกลุ่มนี้เป็นสินค้าที่บริษัทได้มีการพัฒนาขึ้นเอง และเป็นแบรนด์นีโอไลฟ์โดยตรง ส่วนกลุ่มอื่นก็จะเป็นในเรื่องของสินค้าอุปโภคบริโภค
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มที่เป็นหัวหอกของบริษัทเนื่องจากได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ในปีนี้บริษัทต้องการสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามให้ผู้บริโภคมีความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทรวมถึงการสร้างสปา เพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสเข้ามาทดลองใช้ โดยจะใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุน การขายอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ศูนย์สาขาของบริษัทยังได้มีการเปิดคลินิกความงามขึ้น เพื่อเป็นตัวช่วยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอีกแรง แต่ในช่วงแรกคลินิกที่กล่าวมานี้ จะเปิดตามหัวเมืองใหญ่เท่านั้น เพื่อให้เป็นหลักก่อนโดยในช่วงไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้ บริษัทยังเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวเพิ่มขึ้นอีก 3 ตัว ซึ่งผลิตจากโรงงานของบริษัทเอง
อีกทั้งยังมีการออกโปรโมชั่นนวดหน้าเพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาให้ความสนใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้บริษัทยังต้องการสร้างฐานสมาชิกที่เป็นคนรุ่นใหม่ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้จำนวนนักขายที่เป็นกลุ่มใหม่นี้มีอัตราเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50/50 ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะสมาชิกที่เป็นคนรุ่นใหม่นั้นจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการขายที่ดี ทั้งยังเป็นกลุ่มคนที่มีไฟในการทำงานมาก
เรื่องสุดท้ายที่นีโอไลฟ์ พยายามผลักดันนั่นคือ การขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงการให้บริการสมาชิกโดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็น เรื่องที่หลายบริษัทพยายามผลักดัน แต่ นีโอไลฟ์ยังไม่สามารถรุกเข้าฟไปในระบบ นี้ได้มากนัก เนื่องจากสมาชิกของบริษัท ยังขาดความรู้ในเรื่องนี้พอสมควรจึงต้องค่อยผลักดันต่อไป
สิ่งที่บริษัทพยายามปลูกฝังสมาชิกมาโดยตลอดคือเรื่องของจรรยา บรรณในการขาย เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งบริษัทจะมีกฎเหล็กที่ใช้มาโดยตลอดในเรื่องนี้ ซึ่งหากสมาชิกมีการ กระทำที่เอารัดเอาเปรียบก็จะถูกตัดออกจากการเป็นสมาชิกทันที เพื่อรักษา ภาพของบริษัท
ขอขอบคุณ สยามธุรกิจ
[ ฉบับที่ 1076 ประจำวันที่ 20-2-2010 ถึง 23-2-2010 ]
[ ฉบับที่ 1076 ประจำวันที่ 20-2-2010 ถึง 23-2-2010 ]