ข่าวสาร จากไทยสู่ลาว
วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555
วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554
นีโอไลฟ์ บุกตลาดอินโดจีน
Neo Life ติดหัวรบ ‘สื่อ’
เครื่องมือสานฝันขึ้นทำเนียบท็อปไฟว์
“นีโอไลฟ์” เตรียมแผนทำตลาดเมืองกรุงเพิ่ม หลังทำตลาด แบบ “ป่าล้อมเมือง” มานาน ตั้งงบ 200 ล้านโหมใช้ “สื่อ” สร้าง การรับรู้เพิ่ม โดยเฉพาะ Neo TV มองตลาดต่างประเทศ 3 พื้นที่ เริ่มที่ลาวเดือนมีนาคมหลังขอ อย. เรียบร้อย ควักอีก 80 ล้าน พัฒนานีโอทีวี วาดวิมาน 5 ปีติดท็อปไฟว์
> สเต็ปแรกเสริมเขี้ยวเล็บบุคลากร
นายนพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า นีโอไลฟ์ ได้ทำการเปิดดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง โดยใช้ระบบไบนารี่ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบันก็ร่วม 10 ปี ซึ่งจัดว่าเป็นบริษัทที่ไม่ใช่บริษัทใหม่ แต่ด้วยการทำตลาดของบริษัทที่ใช้ระบบ “ป่าล้อมเมือง” จึงทำให้ผู้บริโภคในเมืองยังไม่รู้จักมากนัก
การทำตลาดในช่วงที่ผ่านมา บริษัทพยายามที่จะขยายตลาดในเขตต่างจังหวัด เนื่องจากเห็นว่าเป็นการทำตลาดที่ง่ายกว่าในเขตกรุงเทพฯ เพราะช่วงที่บริษัทเปิดทำการนั้น มีบริษัทขายตรงเปิดอยู่กว่า 500 บริษัท จึงทำให้การแข่งขันนั้นสูง บริษัทจึงค่อยๆ เริ่มจากการทำตลาดในเขตภูธร ก่อน
โดยในปี 44-45 เป็นปีที่นีโอไลฟ์ได้ทำการขยายสาขาของบริษัทเอง ซึ่งในแต่ละสาขาของบริษัทที่เปิดขึ้นนั้น จะเป็นการเปิดตามหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อเป็นการสร้างตลาดในต่างจังหวัดให้มีความเข้มแข็ง เริ่มตั้งแต่ลพบุรีที่เป็นสาขาแรกของบริษัท ต่อมาก็เป็นการขยายไปตามภาคเหนือ นครสวรรค์ กำแพงเพชร ลำปาง ส่วนภาคอีสานก็จะเป็นตามจังหวัดนครราชสีมา เพชรบูรณ์ สุรินทร์ เป็นต้น
การเปิดสาขานั้น เป็นเรื่องที่หนึ่งที่บริษัทได้ปฏิบัติดำเนินการ ส่วนเรื่องที่ 2 ที่นีโอไลฟ์ได้ทำการเน้นในช่วงแรก คือ การสร้างบุคลากร ซึ่งในปี พ.ศ. 49 เป็นปีที่บริษัทเน้นการอบรมมากขึ้น เพื่อสร้างความรู้ให้เกิดขึ้น กับเหล่าสมาชิกนักขาย เพราะสมาชิกของนีโอไลฟ์ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุ รวมถึงเป็นสมาชิกที่อยู่ในต่างจังหวัด จึงทำให้ยังไม่มีความรู้ทางด้านนี้มากนัก บริษัทจึงพยายามที่จะสร้างความรู้ในส่วนนี้เพิ่ม เพื่อให้นักขายได้มีความรู้ในการทำธุรกิจ
เรื่องถัดมาบริษัทก็จะเน้นในด้านการดูแลองค์กร หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของจิตวิทยาของผู้นำองค์กร ด้วยการปลูกฝังจิตสำนึกของเหล่าผู้นำ ให้มีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากที่ทราบกันดีว่าธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เรื่องของจรรยาบรรณมากพอสมควร เพราะหากสิ่งนี้นักขายไม่มีก็จะส่งผลเสียต่อบริษัทตามมา
หลังจากการปลูกฝังเรื่องจิตสำนึก ก็จะเป็นการเพิ่มหลักสูตรระดับกลาง และระดับสูง โดยอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ในด้านการขาย ส่วนหลักสูตรสูงสุดก็จะเป็นในส่วนของการพัฒนาบุคลิกภาพ สิ่งที่กล่าวมาเป็นหลักในการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาของบริษัท
> รุกคืบบุกเบิกเปิดตลาดอินโดจีน
การขยายตลาดก็นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การขยายตลาดในประเทศเท่านั้น แต่นีโอไลฟ์ยังได้มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ อาทิประเทศลาว ซึ่งได้มีการขยายตลาดออกไปอย่างเต็มตัว โดยมีการขอ อย. จากทางการ ประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ในการส่งสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อ เข้าไปขายในประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง เดือนมีนาคม จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจในลาวได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ เป็น 3 ประเทศที่บริษัทต้องการสร้างตลาดเป็นหลักในปีนี้ก่อน ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมองไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยความเจริญเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเลเซียไม่ค่อยจะต้องการให้ธุรกิจในไทยเข้าไปทำตลาดมากนัก เพราะอาจจะเป็นด้วยเรื่องของศาสนา รวมถึงเรื่องอื่นๆ จึงทำให้บริษัทขยายตลาดเข้าไปในประเทศนี้ค่อนข้างยาก
ในส่วนของสมาชิกที่ผ่านมา มีการ เพิ่มของจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการมอบเข็มเพื่อเป็นเกียรติให้กับบรรดานักขายที่ประสบความสำเร็จมากถึง 10 ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งก็มีผู้ที่ได้รับเข็มมากมาย จึงไม่สามารถจัดรวมเป็นครั้งเดียวต่อปีได้ สิ่งนี้จึงเป็นเครื่องการันตีในเรื่องของรายได้ของบริษัทได้เป็นอย่างดี
ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทมีสมาชิกที่ประสบความสำเร็จอยู่ในหลัก 2 ล้านถึง 2 คน ซึ่งในแต่ละคนเป็นนักขายที่อยู่กับบริษัทมานาน และเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงผู้ที่บริษัทนำมาแอบอ้างเพื่อเป็น การสร้างแบรนด์หรืออื่นๆ ทั้งนี้ บริษัท ยังได้มีการมอบหุ้นส่วนให้กับผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างที่กล่าวมา จัดได้ว่าเป็นบริษัทแรกที่มีการมอบหุ้นให้กับสมาชิกนักขาย
เนื่องจากการมอบหุ้นนั้น เป็นเรื่องที่ทราบกันดีว่ามีความเสี่ยง เพราะสมาชิกอาจมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมจนส่งผลกระทบต่อบริษัทก็เป็นได้ ปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีการมอบหุ้นให้นักขายถือ ก็เพื่อเป็นการตอบแทน รวมถึงแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของบริษัทสามารถสร้างอาชีพได้อย่างเห็นผลจริง
ในปี 52 ที่ผ่านมาบริษัทปิดตลาด อยู่ที่ 1.85 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 67% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโต ที่เกินความคาดหมาย ซึ่งจากเดิมที่ นีโอ ไลฟ์ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 50% แต่ด้วยสิ่งที่บริษัททำรวมถึงปัจจัยภายนอกที่ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงมีการเติบโตที่ดี จึงทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ดังกล่าว
ปี 2553 นี้ สิ่งที่บริษัทจะพยายาม ผลักดันคือ การสร้างภาพลักษณ์ เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ด้วยการขยับ เข้าไปใช้สื่อต่างๆเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ และเคเบิลทีวีที่นีโอ ไลฟ์ได้ ทำขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และได้เปิดเป็นทางการเมื่อช่วงต้นเดือน มกราคมที่ผ่านมา โดยได้เตรียมงบในการพัฒนานีโอทีวีในปีนี้ 80 ล้านบาท
ทั้งยังจะมีการมอบจานดาวเทียม ให้กับบรรดานักขายของบริษัทที่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่บริษัทระบุไว้ โดยจะมามอบจานดาวเทียนให้กว่า 3 หมื่นจาน ซึ่งแจกไปแล้วกว่า 2 พันจาน คาดว่าจะใช้เวลาแจกทั้งปี ซึ่งเป็นการมอบเพื่อเป็นการเอาใจนักขาย และยังเป็นการโปรโมต นีโอทีวีไปในตัว อีกทั้งยังต้องการมอบสิ่งดีๆ เพื่อสังคมมากขึ้น
ด้านรายได้ที่บริษัทตั้งเป้าในปีนี้ บริษัทตั้งไว้ที่ 50% ในด้านการเติบโต เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีนี้ จะมีการเติบโตได้ดีกว่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจ ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงอาจมีการเติบโต ที่ลดลง เนื่องจากประชาชนจะมีอาชีพมากขึ้น ซึ่งจะไม่ต้องการรายได้เสริมมากนัก ธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคมองว่าเป็นธุรกิจที่เป็นรายได้เสริมไม่ใช่รายหลัก และไม่ใช่อาชีพที่มีรายได้อย่างมั่นคงจึงไม่จำเป็นต้องขยับเข้าหาเมื่อรายได้จากอาชีพหลักดีอยู่แล้ว
> Neo TV อาวุธใหม่ขับเน้นภาพลักษณ์
ส่วนเป้าหมายหลักนั้น บริษัทต้อง การสร้างการเติบโตในช่วง 5 ปีต่อจาก นี้ให้สามารถขึ้นไปติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของวงการขายตรงให้ได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่หากมีการทำตลาด ที่ดีเรื่องนี้ ก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นความฝันอีกต่อไป
การจัดประชุมของบริษัทนั้น ได้มีการวางแผนในเรื่องของสถานที่ครอบคลุม โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถเข้าไปประชุมกันได้ โดยทางบริษัทจะทำการออกในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เพื่อไม่เป็นการรบกวนสมาชิกของบริษัทแต่ละทีม ที่ต้องการประชุมแต่ไม่มีสถานที่ โดยได้สร้างศูนย์เพื่อใช้จัดประชุมไว้ตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อให้สมาชิกในแต่ละพื้นที่สามารถเดินทางมาประชุมได้อย่างสะดวก
ในส่วนของสาขาของบริษัทนั้น แต่ละที่ที่บริษัทได้ทำการเปิดขึ้นมานั้น ใช้งบการลงทุนอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ซึ่งงบในส่วนนี้ เป็นงบเพียงแค่ในเรื่องของ การตกแต่งเท่านั้น ส่วนเรื่องของสถาน ที่นั้น ก็อยู่ที่ทำเล หรือความเล็กใหญ่ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
ซึ่งอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น จะมีราคา 6-20 ล้านบาทอยู่ ที่ทำเล และเนื้อที่ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามีที่เชียงใหม่ที่มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนค่าตกแต่งที่สูงที่สุดก็สูงถึง 3 ล้านบาท เรื่องของสต็อกสินค้านั้นต้องใช้ทุนมากถึง 10 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนใน การเติมเต็มพอร์ตสินค้าให้มีจำนวนที่มากเพื่อเป็นการรับรองความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่
สินค้าของบริษัทจะมีด้วยกัน 3 กลุ่มหลักๆ นั่นคือ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนที่มีการนำเข้าจากประเทศจีนจริงๆ มีทั้งหมด 3 รายการ กลุ่มที่สอง ก็จะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีทั้งหมด 9 รายการ กลุ่มที่ 3 เป็นในกลุ่มของความงาม ซึ่งสองกลุ่มนี้เป็นสินค้าที่บริษัทได้มีการพัฒนาขึ้นเอง และเป็นแบรนด์นีโอไลฟ์โดยตรง ส่วนกลุ่มอื่นก็จะเป็นในเรื่องของสินค้าอุปโภคบริโภค
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มที่เป็นหัวหอกของบริษัทเนื่องจากได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ในปีนี้บริษัทต้องการสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามให้ผู้บริโภคมีความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทรวมถึงการสร้างสปา เพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสเข้ามาทดลองใช้ โดยจะใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุน การขายอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ศูนย์สาขาของบริษัทยังได้มีการเปิดคลินิกความงามขึ้น เพื่อเป็นตัวช่วยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอีกแรง แต่ในช่วงแรกคลินิกที่กล่าวมานี้ จะเปิดตามหัวเมืองใหญ่เท่านั้น เพื่อให้เป็นหลักก่อนโดยในช่วงไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้ บริษัทยังเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวเพิ่มขึ้นอีก 3 ตัว ซึ่งผลิตจากโรงงานของบริษัทเอง
อีกทั้งยังมีการออกโปรโมชั่นนวดหน้าเพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาให้ความสนใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้บริษัทยังต้องการสร้างฐานสมาชิกที่เป็นคนรุ่นใหม่ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้จำนวนนักขายที่เป็นกลุ่มใหม่นี้มีอัตราเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50/50 ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะสมาชิกที่เป็นคนรุ่นใหม่นั้นจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการขายที่ดี ทั้งยังเป็นกลุ่มคนที่มีไฟในการทำงานมาก
เรื่องสุดท้ายที่นีโอไลฟ์ พยายามผลักดันนั่นคือ การขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงการให้บริการสมาชิกโดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็น เรื่องที่หลายบริษัทพยายามผลักดัน แต่ นีโอไลฟ์ยังไม่สามารถรุกเข้าฟไปในระบบ นี้ได้มากนัก เนื่องจากสมาชิกของบริษัท ยังขาดความรู้ในเรื่องนี้พอสมควรจึงต้องค่อยผลักดันต่อไป
สิ่งที่บริษัทพยายามปลูกฝังสมาชิกมาโดยตลอดคือเรื่องของจรรยา บรรณในการขาย เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งบริษัทจะมีกฎเหล็กที่ใช้มาโดยตลอดในเรื่องนี้ ซึ่งหากสมาชิกมีการ กระทำที่เอารัดเอาเปรียบก็จะถูกตัดออกจากการเป็นสมาชิกทันที เพื่อรักษา ภาพของบริษัท
“นีโอไลฟ์” เตรียมแผนทำตลาดเมืองกรุงเพิ่ม หลังทำตลาด แบบ “ป่าล้อมเมือง” มานาน ตั้งงบ 200 ล้านโหมใช้ “สื่อ” สร้าง การรับรู้เพิ่ม โดยเฉพาะ Neo TV มองตลาดต่างประเทศ 3 พื้นที่ เริ่มที่ลาวเดือนมีนาคมหลังขอ อย. เรียบร้อย ควักอีก 80 ล้าน พัฒนานีโอทีวี วาดวิมาน 5 ปีติดท็อปไฟว์
> สเต็ปแรกเสริมเขี้ยวเล็บบุคลากร
นายนพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า นีโอไลฟ์ ได้ทำการเปิดดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง โดยใช้ระบบไบนารี่ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบันก็ร่วม 10 ปี ซึ่งจัดว่าเป็นบริษัทที่ไม่ใช่บริษัทใหม่ แต่ด้วยการทำตลาดของบริษัทที่ใช้ระบบ “ป่าล้อมเมือง” จึงทำให้ผู้บริโภคในเมืองยังไม่รู้จักมากนัก
การทำตลาดในช่วงที่ผ่านมา บริษัทพยายามที่จะขยายตลาดในเขตต่างจังหวัด เนื่องจากเห็นว่าเป็นการทำตลาดที่ง่ายกว่าในเขตกรุงเทพฯ เพราะช่วงที่บริษัทเปิดทำการนั้น มีบริษัทขายตรงเปิดอยู่กว่า 500 บริษัท จึงทำให้การแข่งขันนั้นสูง บริษัทจึงค่อยๆ เริ่มจากการทำตลาดในเขตภูธร ก่อน
โดยในปี 44-45 เป็นปีที่นีโอไลฟ์ได้ทำการขยายสาขาของบริษัทเอง ซึ่งในแต่ละสาขาของบริษัทที่เปิดขึ้นนั้น จะเป็นการเปิดตามหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อเป็นการสร้างตลาดในต่างจังหวัดให้มีความเข้มแข็ง เริ่มตั้งแต่ลพบุรีที่เป็นสาขาแรกของบริษัท ต่อมาก็เป็นการขยายไปตามภาคเหนือ นครสวรรค์ กำแพงเพชร ลำปาง ส่วนภาคอีสานก็จะเป็นตามจังหวัดนครราชสีมา เพชรบูรณ์ สุรินทร์ เป็นต้น
การเปิดสาขานั้น เป็นเรื่องที่หนึ่งที่บริษัทได้ปฏิบัติดำเนินการ ส่วนเรื่องที่ 2 ที่นีโอไลฟ์ได้ทำการเน้นในช่วงแรก คือ การสร้างบุคลากร ซึ่งในปี พ.ศ. 49 เป็นปีที่บริษัทเน้นการอบรมมากขึ้น เพื่อสร้างความรู้ให้เกิดขึ้น กับเหล่าสมาชิกนักขาย เพราะสมาชิกของนีโอไลฟ์ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุ รวมถึงเป็นสมาชิกที่อยู่ในต่างจังหวัด จึงทำให้ยังไม่มีความรู้ทางด้านนี้มากนัก บริษัทจึงพยายามที่จะสร้างความรู้ในส่วนนี้เพิ่ม เพื่อให้นักขายได้มีความรู้ในการทำธุรกิจ
เรื่องถัดมาบริษัทก็จะเน้นในด้านการดูแลองค์กร หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของจิตวิทยาของผู้นำองค์กร ด้วยการปลูกฝังจิตสำนึกของเหล่าผู้นำ ให้มีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากที่ทราบกันดีว่าธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เรื่องของจรรยาบรรณมากพอสมควร เพราะหากสิ่งนี้นักขายไม่มีก็จะส่งผลเสียต่อบริษัทตามมา
หลังจากการปลูกฝังเรื่องจิตสำนึก ก็จะเป็นการเพิ่มหลักสูตรระดับกลาง และระดับสูง โดยอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ในด้านการขาย ส่วนหลักสูตรสูงสุดก็จะเป็นในส่วนของการพัฒนาบุคลิกภาพ สิ่งที่กล่าวมาเป็นหลักในการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาของบริษัท
> รุกคืบบุกเบิกเปิดตลาดอินโดจีน
การขยายตลาดก็นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การขยายตลาดในประเทศเท่านั้น แต่นีโอไลฟ์ยังได้มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ อาทิประเทศลาว ซึ่งได้มีการขยายตลาดออกไปอย่างเต็มตัว โดยมีการขอ อย. จากทางการ ประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ในการส่งสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อ เข้าไปขายในประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง เดือนมีนาคม จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจในลาวได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ เป็น 3 ประเทศที่บริษัทต้องการสร้างตลาดเป็นหลักในปีนี้ก่อน ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมองไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยความเจริญเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเลเซียไม่ค่อยจะต้องการให้ธุรกิจในไทยเข้าไปทำตลาดมากนัก เพราะอาจจะเป็นด้วยเรื่องของศาสนา รวมถึงเรื่องอื่นๆ จึงทำให้บริษัทขยายตลาดเข้าไปในประเทศนี้ค่อนข้างยาก
ในส่วนของสมาชิกที่ผ่านมา มีการ เพิ่มของจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการมอบเข็มเพื่อเป็นเกียรติให้กับบรรดานักขายที่ประสบความสำเร็จมากถึง 10 ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งก็มีผู้ที่ได้รับเข็มมากมาย จึงไม่สามารถจัดรวมเป็นครั้งเดียวต่อปีได้ สิ่งนี้จึงเป็นเครื่องการันตีในเรื่องของรายได้ของบริษัทได้เป็นอย่างดี
ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทมีสมาชิกที่ประสบความสำเร็จอยู่ในหลัก 2 ล้านถึง 2 คน ซึ่งในแต่ละคนเป็นนักขายที่อยู่กับบริษัทมานาน และเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงผู้ที่บริษัทนำมาแอบอ้างเพื่อเป็น การสร้างแบรนด์หรืออื่นๆ ทั้งนี้ บริษัท ยังได้มีการมอบหุ้นส่วนให้กับผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างที่กล่าวมา จัดได้ว่าเป็นบริษัทแรกที่มีการมอบหุ้นให้กับสมาชิกนักขาย
เนื่องจากการมอบหุ้นนั้น เป็นเรื่องที่ทราบกันดีว่ามีความเสี่ยง เพราะสมาชิกอาจมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมจนส่งผลกระทบต่อบริษัทก็เป็นได้ ปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีการมอบหุ้นให้นักขายถือ ก็เพื่อเป็นการตอบแทน รวมถึงแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของบริษัทสามารถสร้างอาชีพได้อย่างเห็นผลจริง
ในปี 52 ที่ผ่านมาบริษัทปิดตลาด อยู่ที่ 1.85 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 67% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโต ที่เกินความคาดหมาย ซึ่งจากเดิมที่ นีโอ ไลฟ์ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 50% แต่ด้วยสิ่งที่บริษัททำรวมถึงปัจจัยภายนอกที่ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงมีการเติบโตที่ดี จึงทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ดังกล่าว
ปี 2553 นี้ สิ่งที่บริษัทจะพยายาม ผลักดันคือ การสร้างภาพลักษณ์ เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ด้วยการขยับ เข้าไปใช้สื่อต่างๆเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ และเคเบิลทีวีที่นีโอ ไลฟ์ได้ ทำขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และได้เปิดเป็นทางการเมื่อช่วงต้นเดือน มกราคมที่ผ่านมา โดยได้เตรียมงบในการพัฒนานีโอทีวีในปีนี้ 80 ล้านบาท
ทั้งยังจะมีการมอบจานดาวเทียม ให้กับบรรดานักขายของบริษัทที่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่บริษัทระบุไว้ โดยจะมามอบจานดาวเทียนให้กว่า 3 หมื่นจาน ซึ่งแจกไปแล้วกว่า 2 พันจาน คาดว่าจะใช้เวลาแจกทั้งปี ซึ่งเป็นการมอบเพื่อเป็นการเอาใจนักขาย และยังเป็นการโปรโมต นีโอทีวีไปในตัว อีกทั้งยังต้องการมอบสิ่งดีๆ เพื่อสังคมมากขึ้น
ด้านรายได้ที่บริษัทตั้งเป้าในปีนี้ บริษัทตั้งไว้ที่ 50% ในด้านการเติบโต เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีนี้ จะมีการเติบโตได้ดีกว่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจ ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงอาจมีการเติบโต ที่ลดลง เนื่องจากประชาชนจะมีอาชีพมากขึ้น ซึ่งจะไม่ต้องการรายได้เสริมมากนัก ธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคมองว่าเป็นธุรกิจที่เป็นรายได้เสริมไม่ใช่รายหลัก และไม่ใช่อาชีพที่มีรายได้อย่างมั่นคงจึงไม่จำเป็นต้องขยับเข้าหาเมื่อรายได้จากอาชีพหลักดีอยู่แล้ว
> Neo TV อาวุธใหม่ขับเน้นภาพลักษณ์
ส่วนเป้าหมายหลักนั้น บริษัทต้อง การสร้างการเติบโตในช่วง 5 ปีต่อจาก นี้ให้สามารถขึ้นไปติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของวงการขายตรงให้ได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่หากมีการทำตลาด ที่ดีเรื่องนี้ ก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นความฝันอีกต่อไป
การจัดประชุมของบริษัทนั้น ได้มีการวางแผนในเรื่องของสถานที่ครอบคลุม โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถเข้าไปประชุมกันได้ โดยทางบริษัทจะทำการออกในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เพื่อไม่เป็นการรบกวนสมาชิกของบริษัทแต่ละทีม ที่ต้องการประชุมแต่ไม่มีสถานที่ โดยได้สร้างศูนย์เพื่อใช้จัดประชุมไว้ตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อให้สมาชิกในแต่ละพื้นที่สามารถเดินทางมาประชุมได้อย่างสะดวก
ในส่วนของสาขาของบริษัทนั้น แต่ละที่ที่บริษัทได้ทำการเปิดขึ้นมานั้น ใช้งบการลงทุนอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ซึ่งงบในส่วนนี้ เป็นงบเพียงแค่ในเรื่องของ การตกแต่งเท่านั้น ส่วนเรื่องของสถาน ที่นั้น ก็อยู่ที่ทำเล หรือความเล็กใหญ่ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
ซึ่งอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น จะมีราคา 6-20 ล้านบาทอยู่ ที่ทำเล และเนื้อที่ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามีที่เชียงใหม่ที่มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนค่าตกแต่งที่สูงที่สุดก็สูงถึง 3 ล้านบาท เรื่องของสต็อกสินค้านั้นต้องใช้ทุนมากถึง 10 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนใน การเติมเต็มพอร์ตสินค้าให้มีจำนวนที่มากเพื่อเป็นการรับรองความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่
สินค้าของบริษัทจะมีด้วยกัน 3 กลุ่มหลักๆ นั่นคือ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนที่มีการนำเข้าจากประเทศจีนจริงๆ มีทั้งหมด 3 รายการ กลุ่มที่สอง ก็จะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีทั้งหมด 9 รายการ กลุ่มที่ 3 เป็นในกลุ่มของความงาม ซึ่งสองกลุ่มนี้เป็นสินค้าที่บริษัทได้มีการพัฒนาขึ้นเอง และเป็นแบรนด์นีโอไลฟ์โดยตรง ส่วนกลุ่มอื่นก็จะเป็นในเรื่องของสินค้าอุปโภคบริโภค
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มที่เป็นหัวหอกของบริษัทเนื่องจากได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ในปีนี้บริษัทต้องการสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามให้ผู้บริโภคมีความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทรวมถึงการสร้างสปา เพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสเข้ามาทดลองใช้ โดยจะใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุน การขายอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ศูนย์สาขาของบริษัทยังได้มีการเปิดคลินิกความงามขึ้น เพื่อเป็นตัวช่วยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอีกแรง แต่ในช่วงแรกคลินิกที่กล่าวมานี้ จะเปิดตามหัวเมืองใหญ่เท่านั้น เพื่อให้เป็นหลักก่อนโดยในช่วงไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้ บริษัทยังเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวเพิ่มขึ้นอีก 3 ตัว ซึ่งผลิตจากโรงงานของบริษัทเอง
อีกทั้งยังมีการออกโปรโมชั่นนวดหน้าเพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาให้ความสนใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้บริษัทยังต้องการสร้างฐานสมาชิกที่เป็นคนรุ่นใหม่ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้จำนวนนักขายที่เป็นกลุ่มใหม่นี้มีอัตราเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50/50 ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะสมาชิกที่เป็นคนรุ่นใหม่นั้นจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการขายที่ดี ทั้งยังเป็นกลุ่มคนที่มีไฟในการทำงานมาก
เรื่องสุดท้ายที่นีโอไลฟ์ พยายามผลักดันนั่นคือ การขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงการให้บริการสมาชิกโดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็น เรื่องที่หลายบริษัทพยายามผลักดัน แต่ นีโอไลฟ์ยังไม่สามารถรุกเข้าฟไปในระบบ นี้ได้มากนัก เนื่องจากสมาชิกของบริษัท ยังขาดความรู้ในเรื่องนี้พอสมควรจึงต้องค่อยผลักดันต่อไป
สิ่งที่บริษัทพยายามปลูกฝังสมาชิกมาโดยตลอดคือเรื่องของจรรยา บรรณในการขาย เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งบริษัทจะมีกฎเหล็กที่ใช้มาโดยตลอดในเรื่องนี้ ซึ่งหากสมาชิกมีการ กระทำที่เอารัดเอาเปรียบก็จะถูกตัดออกจากการเป็นสมาชิกทันที เพื่อรักษา ภาพของบริษัท
ขอขอบคุณ สยามธุรกิจ
[ ฉบับที่ 1076 ประจำวันที่ 20-2-2010 ถึง 23-2-2010 ]
[ ฉบับที่ 1076 ประจำวันที่ 20-2-2010 ถึง 23-2-2010 ]
วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ซำบายดี นีโอไลฟ์
‘นีโอไลฟ์’ พ้นบ่วง! ‘แชร์ลูกโซ่’ “นพรุจ-รัชนี” เนรมิตอาณาจักร..โกอินเตอร์!
ทรายจะแกร่งก็เพราะผ่านกาลเวลา…คนจะกล้าก็เพราะผ่านความอดทน…องค์กรจะมั่นคงรุ่งเรืองก็เพราะผ่านวิกฤตพร้อมวิชั่นที่ยาวไกลของ ผู้บริหาร!! เวิร์ดดิ้งวลีนี้…ช่างเหมาะเจาะลงตัวและสมกับความเป็น “นีโอโลฟ์” ณ เวลานี้เป็นอย่างยิ่ง!!
เมื่อ “นีโอไลฟ์ อินเตอร์ เนชั่นแนล” ได้ก้าวผ่าน 1 ทศวรรษย่าง สู่ทศวรรษที่ 2 เป็นปีแรก “จุดเปลี่ยน” ของธุรกิจ “นีโอไลฟ์” ก็ได้พิสูจน์ สูตรสำเร็จความเป็น “บริษัทขายตรงไบนารี่” เจ้าแรก! ให้สังคมไทยได้ประจักษ์ถึง “ความมั่นคง” ที่ดำเนินธุรกิจมาอย่าง “ถูกต้อง” บนเจตนารมณ์บริษัทที่ยึดมั่น “สร้างงาน สร้างคน สร้างรายได้ เพื่อชาติ” ต่อเนื่องมา จน “เอาชนะ” บางสิ่งบางด้วย “สุจริตธุรกิจ” แล้วก้าวผ่านวิกฤตไปสู่เป้าหมายอย่างน่าติดตามของ “ธุรกิจคนไทย” ในเวทีตลาดขายตรงเอเชียต่อไป
1 ทศวรรษ นีโอไลฟ์..ขายตรงคนไทยเพื่อคนไทย!
ด้วยนาทีนี้! น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “นีโอไลฟ์” ธุรกิจขายตรงที่ถูกตั้ง ขึ้นมาโดย 2 ผู้ก่อตั้ง “ดร.นพรุจ เวชกุล” และ “พรรณชนก สุขชุม” ที่ได้จดทะเบียน “บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2544 ตามหมายเลขทะเบียนการค้าเลขที่ (2)787/2544 ภายใต้นโยบาย “บริษัทขายตรงคนไทยเพื่อคนไทย” โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยได้มีอาชีพธุรกิจเป็นของตนเองแบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อนสร้างรายได้จากธุรกิจ และไม่ต้องเสี่ยงต่อการลงทุนหรือขาดทุน
“นีโอไลฟ์” ได้ผ่านการจดทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตามทะเบียนเลขที่นร.0307/2433 และได้ใบอนุญาตให้เป็นสถานที่จำหน่ายยาแผนโบราณ ตามทะเบียนเลขที่ 5/2545 มาตั้งแต่แรกเริ่มดำเนินธุรกิจ ปัจจุบัน “นีโอไลฟ์” มีสำนักงานทำการตั้งอยู่ที่ เลขที่169/98 อาคารเสริมทรัพย์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา นับว่า “นีโอไลฟ์” เป็นบริษัทขายตรงที่มีความมุ่งมั่นคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ และมีประสิทธิภาพใช้แล้ว เห็นผล คุ้มค่า คุ้มราคา จากผลการศึกษาวิจัยที่เป็นที่ยอมรับของผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงและกระบวนการผลิตที่ต้องการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุดมาตรฐานเดียวกันกับการผลิตยาแผนปัจจุบัน จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ทุกรายการ ของ “นีโอไลฟ์” สามารถขายตัวเองได้ และเป็นที่ยอมรับเหนือกว่าผลิตภัณฑ์ อื่นๆ ทั่วไป
ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจขายตรงของ “นีโอไลฟ์” ตามปณิธานของ “ดร.นพรุจ เวชกุล” ในฐานะประธานกรรมการผู้นำบริหารองค์กรทั้งหมดได้เน้นส่งเสริมให้ พี่น้องประชาชนคนไทยได้มีธุรกิจที่สามารถสร้างฐานะให้กับตนเองและครอบครัวได้อย่างแท้จริง จึงเลือกใช้แผน การตลาดที่ง่ายๆ ทำแล้วสามารถประสบความสำเร็จได้จริงๆ และง่ายกว่า นั่น คือ ระบบแผนการตลาดแบบ “ไบนารี่บาลานซ์เลค” ซึ่งได้รับการอนุญาตจาก “สคบ.” ถูกต้องตามกฎหมายมาตั้งแต่แรก
นีโอไลฟ์ฝ่าวิกฤตถูกจับตา“ขายตรงแชร์ลูกโซ่”!
จากลักษณะการดำเนินธุรกิจที่ ไม่สลับซับซ้อน “นีโอไลฟ์” จึงได้รับ ความสนใจจากประชาชนพากันหลั่งไหลเข้ามาร่วมทำธุรกิจกันอย่างคึกคักตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมา จนทำให้ “นีโอไลฟ์” ภายใต้ปีก 2 ผู้บริหารที่มี วิสัยทัศน์อย่าง “ดร.นพรุจ เวชกุล” ประธานกรรมการบริษัท และ “รัชนี มหานิยม” ประธานกรรมการบริหารฝ่ายสมาชิกเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลประกอบการที่สูงขึ้นและจำนวนสมาชิก ซึ่งเป็นฐานธุรกิจปัจจุบันมีมากกว่า 800,000 รหัสทั่วประเทศ
และการที่ “นีโอไลฟ์” ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและมี ชื่อเสียงโด่งดังด้วยอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และนับวันจะเป็นที่รู้จักไป ในวงกว้างของประชาชนคนทั้งประเทศนี้เอง ทำให้กระแสความนิยมนีโอไลฟ์ กลายเป็นที่ “จับตา” ของคนในสังคมจน มี “ผู้ไม่หวังดี” ร้องเรียนไปที่ “สคบ.” และ “ดีเอสไอ” หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมว่า นีโอไลฟ์เป็นบริษัท ที่มีพฤติกรรมในการทำธุรกิจเข้าข่ายการทำความผิด
และการที่ “นีโอไลฟ์” ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและมี ชื่อเสียงโด่งดังด้วยอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และนับวันจะเป็นที่รู้จักไป ในวงกว้างของประชาชนคนทั้งประเทศนี้เอง ทำให้กระแสความนิยมนีโอไลฟ์ กลายเป็นที่ “จับตา” ของคนในสังคมจน มี “ผู้ไม่หวังดี” ร้องเรียนไปที่ “สคบ.” และ “ดีเอสไอ” หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมว่า นีโอไลฟ์เป็นบริษัท ที่มีพฤติกรรมในการทำธุรกิจเข้าข่ายการทำความผิด
ต่อมาได้กลายเป็นประเด็นความสนใจติดตามใกล้ชิดของ “สื่อมวลชน” ทุกแขนง กระทั่งเมื่อปีก่อน (2553) ได้มี สื่อโทรทัศน์รายการหนึ่งนำเสนอกระแสความนิยมของนีโอไลฟ์ไปในทิศทางให้ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าจะเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ นำมาซึ่ง “วิกฤตภาพ ลักษณ์องค์กร” และเกือบจะกลายเป็น“วิกฤตธุรกิจ” ของ “นีโอไลฟ์” ในห้วงปี ที่ผ่านมา
กระทั่งเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2554 การประชุมร่วมของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายที่ได้ “จับตา
พฤติกรรม” การทำธุรกิจของ “นีโอไลฟ์” ตามกระแสที่ตั้งข้อสังเกตขึ้นในปีที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปออกมาจาก “หน่วยงานดีเอสไอ” เป็นหนังสือแจ้งผลการพิจารณากรณีบริษัท นีโอไลฟ์ฯ ถึง “หน่วยงานสคบ.” ระบุใจความสำคัญว่า ที่ประชุม ได้มีมติเห็นชอบว่า บริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด “ไม่เข้าข่าย” การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2535 จึงได้ยุติเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวในที่สุด
กระทั่งเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2554 การประชุมร่วมของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายที่ได้ “จับตา
พฤติกรรม” การทำธุรกิจของ “นีโอไลฟ์” ตามกระแสที่ตั้งข้อสังเกตขึ้นในปีที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปออกมาจาก “หน่วยงานดีเอสไอ” เป็นหนังสือแจ้งผลการพิจารณากรณีบริษัท นีโอไลฟ์ฯ ถึง “หน่วยงานสคบ.” ระบุใจความสำคัญว่า ที่ประชุม ได้มีมติเห็นชอบว่า บริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด “ไม่เข้าข่าย” การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2535 จึงได้ยุติเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวในที่สุด
พร้อมกันนั้นทาง “หน่วยงานดีเอสไอ” ยังได้มีหนังสืออีกฉบับหนึ่งส่งไปยัง “ปลัดกระทรวงการคลัง” ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ “กลุ่มป้องปรามการเงินนอกระบบ” แจ้งให้ทราบว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบว่า นีโอไลฟ์ “ไม่เข้าข่าย” การกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 จึงยุติเรื่องอีกด้วย
นับเป็น “ข่าวดี” ของนีโอไลฟ์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2554, 2 ผู้บริหารของบริษัท “ดร.นพรุจ” และ “รัชนี” จึงได้จัดงานทำบุญครั้งใหญ่ฉลองครบรอบการก่อตั้งบริษัท 11 ปี และจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้ปรากฏแก่สังคมภายนอกว่า “นีโอไลฟ์…ไม่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่” และ “นีโอไลฟ์..ไม่ผิดต่อกฎหมายขายตรง” เพื่อนำเสนอข่าวต่อสาธารณชนต่อไป
วิกฤตคือโอกาส..ฟ้าหลังฝนดัน“นีโอไลฟ์” ฐานแกร่ง!
ในถ้อยแถลงของ “ดร.นพรุจ เวชกุล” ในฐานะประธานกรรมการ บริษัทผู้มีอำนาจตามกฎหมายได้แจ้งต่อสื่อมวลชนและสมาชิกนีโอไลฟ์ว่า ข้อมูลล่าสุดได้ยืนยันชัดเจนว่า “หน่วย งานดีเอสไอ” ได้ทำหนังสือยืนยันความสุจริตในนิติกรรมของบริษัท นีโอไลฟ์ ให้แก่หน่วยงาน สคบ. และกระทรวงการคลังมาเป็นที่เรียบร้อย ส่วนหนังสือ ที่ดีเอสไอทำถึงบริษัทนั้นจะตามมาภายหลัง
ทั้งนี้ “ดร.นพรุจ” ได้กล่าวย้อนภาพการเติบโต 10 ปีของนีโอไลฟ์ที่ผ่านมา ประกอบเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เปิดดำเนินการมาระยะแรกบริษัทได้เน้น “สร้างฐานความมั่นคง” ให้กับบริษัท ก่อนโดยเริ่มจากการตั้งกลุ่มผู้ใช้สินค้าและขยับมาเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จเป็นการยืนยันว่า ธุรกิจของนีโอไลฟ์ มีความมุ่งมั่น ที่จะทำธุรกิจเพื่อสังคม ต่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เป็นการยืนยันอีกด้านหนึ่งว่า ผลิตภัณฑ์ของ บริษัทมีคุณภาพสูงและขายตัวของมันเองได้ มีการใช้สินค้าจริงจากผู้ใช้สินค้า ที่ต่อเนื่องมานาน
และเป็นการยืนยันอีกว่า นักธุรกิจที่ไม่มีความรู้ไม่มีประสบการณ์ด้านขายตรงเลยก็ยังสามารถเข้ามาใช้ระบบธุรกิจของเราด้วยการเรียนรู้และพัฒนาควบคู่ไปกับการทำงานจนประสบความสำเร็จได้จริง และที่สำคัญเป็นการพิสูจน์อีกว่าแผนการตลาดไบนารี่ เมื่อมีการนำมาใช้อย่างถูกต้องและมีจรรยาบรรณก็ทำให้บริษัทในระบบไบนารี่นั้นมั่นคงได้
ระยะที่ 2 เมื่อมีความสำเร็จใน เรื่องการสร้างฐานความมั่นคงของบริษัทแล้ว ก็มาสู่การ “สร้างแบรนด์” บริษัทได้เน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์สร้างยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ บริษัท นีโอไลฟ์ ให้เป็นที่รับรู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น และขณะนี้การสร้างแบรนด์ดังกล่าว น่าจะประสบความสำเร็จไปแล้วมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
“และสิ่งที่เราได้สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเป็นที่รับรู้ในวงกว้างใน เวลาที่รวดเร็ว เมื่อปีที่แล้วก็เลยทำให้ เราถูก “ไทยทีวี” เข้ามาเจาะทำข่าวกล่าวหาว่าอาจจะเป็น “แชร์ลูกโซ่ พันธุ์ใหม่” ตรงนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดจากการสร้างแบรนด์จนโด่งดัง แต่ว่ามันก็เป็นดาบสองคมใครมองด้านดีก็ดี ใครมองด้านไม่ดีก็อาจจะเป็นการมองอีกมุมหนึ่ง”
“ดร.นพรุจ” ได้ย้ำชัดว่า…จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นสิ่งที่ดี! เพราะหลังจากบริษัทเจอเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เป็นการพิสูจน์อีกขั้นหนึ่ง และวันนี้ผลการพิสูจน์ตรงนั้นก็ออกมายืนยันให้พี่น้องสมาชิกนีโอไลฟ์ซึ่งปกติก็มั่นใจในนีโอไลฟ์อยู่แล้วยิ่งมั่นใจต่อไปที่จะส่งต่อคุณภาพสินค้าที่ดี ส่งต่อสุขภาพที่ดี ส่งต่อการสร้างรายได้ที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนให้มีรายได้ที่ดีกันต่อไม่หยุดยั้งต่อไป
สู่ทศวรรษ 2 นีโอไลฟ์ผงาดรุกตลาดภูมิภาคเอเชีย!
ดังนั้นในระยะที่ 3 นับจากปีนี้เป็นต้นไป “ดร.นพรุจ” ได้กล่าวถึงอนาคต นีโอไลฟ์ว่า เมื่อสร้างแบรนด์ประสบความสำเร็จแล้ว บริษัทก็จะพัฒนาไปสู่การเป็นบริษัทที่มั่นคงระยะยาวเป็น “มาตรฐานระดับสากล” ปัจจุบันนีโอไลฟ์ได้ขยายธุรกิจไปต่างประเทศตั้งแต่ต้นปีแล้ว โดยเริ่มที่ “ลาว” ซึ่งได้ทดลองการทำตลาดไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมากระทั่งปีนี้ขยายไปแล้วรวม 5 สาขาประกอบด้วย นครเวียงจันทน์ จำปาสักปากเซ แขวงสุวรรณเขต ชัยบุรีอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดเลย และอุดมชัย ซึ่งเป็นภาคเหนือของนครหลวงเวียงจันทน์
และจากความสำเร็จในประเทศลาว ก็ทำให้นีโอไลฟ์ขยายสาขาไปสู่ประเทศ “เวียดนาม” ซึ่งก็ได้ดำเนินการ ยื่นจดทะเบียนในประเทศเวียดนามและ ได้ดำเนินการตกแต่งสำนักงานสาขาไปแล้ว ขณะนี้ก็รอสินค้ายื่นจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เวียดนามให้เรียบร้อยเท่านั้น พร้อมกันนั้นได้ยื่นขอเปิดสาขาขึ้นที่ประเทศ “สิงคโปร์” แล้ว รวมถึงประเทศ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” และคาดว่าทั้ง 3 ประเทศจะเปิดดำเนินการธุรกิจได้ในเดือนกรกฎาคมนี้
“นี่ก็คือการขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาค ซึ่งในอนาคตเรามุ่งหวังที่จะเป็นธุรกิจในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียน นีโอไลฟ์ของเราคงไม่ได้ไปในประเทศที่เจริญแล้วอย่างยุโรปและอเมริกา เพราะนโยบายนีโอไลฟ์จะมุ่งไปสู่พี่น้องในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อไปสร้างความอยู่ดีกินดีสร้างอาชีพให้ผู้คนในภูมิภาคของเรา ซึ่งก็การขยายงานระดับภูมิภาคครั้งนี้ก็เป็นก้าวไกลไปสู่ระดับสากลของเราอีกขั้นหนึ่ง”
“ดร.นพรุจ” กล่าวสรุปว่า สำหรับโครงการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคนี้ก็น่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2 ปีนี้ ซึ่งต่อไป ก็จะเป็นการขยายธุรกิจไปสู่กัมพูชา พม่า ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ในโอกาสต่อจากนี้เป็นต้นไป และเชื่อว่าในอีก 4-5 ปี คงจะได้เห็นภาพของ “นีโอไลฟ์” เป็นที่ยอมรับของวงการขายตรงและประชาชนทั่วไปมากขึ้น และตรงนั้นก็เป็นความตั้งใจ ของเขามาตั้งแต่ต้นที่จะนำ “ธุรกิจนีโอไลฟ์” เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เป็น “บริษัทมหาชน” เปิดโอกาสให้ผู้คนทั้งที่เป็น “สมาชิกนีโอไลฟ์” และประชาชนทั่วไปที่ไม่ชอบทำขายตรงเข้ามาซื้อหุ้นและร่วมถือหุ้นบริษัทได้
อย่างไรก็ตามสำหรับเป้าหมายในสิ้นปี 2554 นี้ “ดร.นพรุจ” ได้กล่าว ย้ำว่า หลังจากผ่านสถานการณ์วิกฤตภาพลักษณ์มาแล้ว หลังจากนี้จะเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านสุขภาพและความงามซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มหลัก จะประเดิมด้วย “สเต็มเซลล์” ในเดือนกรกฎาคม นี้ และยังมีโปรโมชั่นท่องเที่ยวเกาหลี ออสเตรเลีย ยูนาน จีน เหมือนเดิม พร้อมกันนี้บริษัทกำลังเจรจาซื้ออาคารพร้อมที่ดิน 60 ไร่ มูลค่า 1,500 ล้าน บาท บนถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อสร้าง เป็น “อาณาจักรนีโอไลฟ์” ที่จะรองรับสมาชิกในสิ้นปีประมาณ 1,000,000 รหัส ด้วยยอดขายที่น่าจะทะลุ 3,500 ล้านบาท
สุดท้าย “ดร.นพรุจ เวชกุล” ประธานฯ นีโอไลฟ์ได้กล่าวทิ้งท้ายฝากถึง “รัฐบาลใหม่” ว่า ไม่ว่าจะมาจาก ขั้วไหนก็อยากให้เข้าใจขายตรงให้มากขึ้น และภาครัฐเองก็ต้องทำความเข้าใจกับธุรกิจขายตรงอย่างชัดเจน เพื่ออนาคต จะได้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจขายตรงโดยรวม และหันมาสนับสนุนส่งเสริมจนกลายเป็นธุรกิจที่ประชาชนเข้าใจและสร้างรายได้ให้ตัวเองลดปัญหาสังคมเพื่อร่วมกันสร้างชาติต่อไป
ขอขอบคุณ : หนังสือพิมพ์เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 206 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 16- 30 มิถุนายน 2554นีโอไลฟ์บุกเบิกเปิดตลาดอินโดจีน การขยายตลาดก็นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การขยายตลาดในประเทศเท่านั้น แต่นีโอไลฟ์ยังได้มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ อาทิประเทศลาว ซึ่งได้มีการขยายตลาดออกไปอย่างเต็มตัว โดยมีการขอ อย. จากทางการ ประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ในการส่งสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อ เข้าไปขายในประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง เดือนมีนาคม จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจในลาวได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ เป็น 3 ประเทศที่บริษัทต้องการสร้างตลาดเป็นหลักในปีนี้ก่อน ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมองไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยความเจริญเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเลเซียไม่ค่อยจะต้องการให้ธุรกิจในไทยเข้าไปทำตลาดมากนัก เพราะอาจจะเป็นด้วยเรื่องของศาสนา รวมถึงเรื่องอื่นๆ จึงทำให้บริษัทขยายตลาดเข้าไปในประเทศนี้ค่อนข้างยาก
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ เป็น 3 ประเทศที่บริษัทต้องการสร้างตลาดเป็นหลักในปีนี้ก่อน ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมองไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยความเจริญเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเลเซียไม่ค่อยจะต้องการให้ธุรกิจในไทยเข้าไปทำตลาดมากนัก เพราะอาจจะเป็นด้วยเรื่องของศาสนา รวมถึงเรื่องอื่นๆ จึงทำให้บริษัทขยายตลาดเข้าไปในประเทศนี้ค่อนข้างยาก
ขอขอบคุณ ข้อความจาก สยามธุรกิจ
ธุรกิจเครือข่ายนีโอไลฟ์ฉลองเข้าปีที่10ขยายตลาดสู่ประเทศลาว
ฉลองเข้าปีที่10 บริษัทนีโอไลฟ์ขยายธุรกิจเครือข่ายไปยังตลาดอินโดจีน โดยเริ่มที่ประเทศลาวอันดัยแรกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี รุกคืบบุกเบิกเปิดตลาดอินโดจีน
การขยายตลาดก็นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การขยายตลาดในประเทศเท่านั้น แต่นีโอไลฟ์ยังได้มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ อาทิประเทศลาว ซึ่งได้มีการขยายตลาดออกไปอย่างเต็มตัว โดยมีการขอ อย. จากทางการ ประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ในการส่งสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อ เข้าไปขายในประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง เดือนมีนาคม จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจในลาวได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
ขอขอบคุณ ข้อความจาก สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1076 ประจำวันที่ 20-2-2010 ถึง 23-2-2010
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)